เลซิติน กิฟฟารีน



เลซิติน + แคโรทีนนอยด์&วิตามินอี [กิฟฟารีน]
เลซิติน ชนิด ฟอสฟาทิดิล โคลีน(สูง) + แคโรทีนนอยด์

เลซิติน เป็นไขมันในกลุ่มฟอสโฟไลปิด (Phospolipid) ซึ่งอุดมด้วยสาร ฟอสฟาทิดิล โคลีน (Phosphatidyl Choline) ที่มีคุณสมบัติสามารถเข้ากันได้ กับน้ำและน้ำมัน ถือเป็นตัวทำละลายที่ดี ซ่วยในการละลายโคเลสเตอรอลในเลือดให้แตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ จึงสามารถลดการสะสมของไขมันที่ตับ ลดการสะสมของไขมันในผนังหลอดเหลืด แก้ปัญหา ท่อน้ำนมอุดตัน

เลซิติน ทั่วไป 1,200 มก. จะให้สาร ฟอสฟาทิดิล โคลีน 180 มก. แต่หากเป็น เลซิตินชนิดโคลีนสูง จะให้สารฟอสฟาทิดิล โคลีน ได้ถึง192 มก. เลยทีเดียว และจะมีประสิทธิภาพทำงานได้ดี เมื่อทำงานร่วมกับ แคโรทีนอยด์ 4 ชนิด และแคโรทีนอยด์ จะมีประสิทธิภาพการต้านออกซิเดชั่นได้ดียิ่งขึ้น เมื่อ ทำงานร่วมกับ วิตามินอี

****เลซิตินเพียงอย่างเดียว ลดปัญหาสุขภาพ สมอง หัวใจ มะเร็งตับและผิวพรรณได้เพียง 30% แต่หากเป็น เลซิตินชนิด ฟอสฟาทิดิลโคลีนสูง + วิตามินอี และ แคโรทีนอยด์ 4 ชนิด อาทิ อัลฟาแคโรทีน, เบต้าแคโรทีน, แกรม่าแคโรทีน และไลโคปีน จะลดปัญหาดังกล่าวได้ เกือบ 100% "Interaction Effect"

เลซิตินและแคโรทีนอยด์ เหมาะสำหรับ สตรีที่มีปัญหา ท่อน้ำนมอุดตัน และ ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับตับ เช่นระบบ การย่อยอาหาร, จุกเสียดประจำ อ่อนเพลียง่าย, ไขมันพอกตับ, ลดการสะสมของไขมัน เช่น ไขมันหน้าท้อง, ท่อน้ำนมอุดตันจากไขมัน, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง , ระบบหลอดเลือดและหัวใจ, ไวรัสตับอักเสบ บีและตับอักเสบซี ,ผู้ที่มีอายุ 50ปีขึ้นไปควรรับประทาน
เพราะเลซิตินเพียงอย่างเดียว ลดปัญหาสุขภาพ สมอง หัวใจ มะเร็งและผิวพรรณได้เพียง 30% แต่หากเป็น เลซิตินชนิด ฟอสฟาทิดิลโคลีนสูง + วิตามินอี และ แคโรทีนอยด์ 4 ชนิด อาทิ: อัลฟาแคโรทีน, เบต้าแคโรทีน, แกรม่าแคโรทีน และไลโคปีน จะลดปัญหาดังกล่าวได้ถึง 100%  
จากงานวิจัย การใช้แคโรทีนอย์ ร่วมกับ วิตามินอี จะส่งเสริมประสิทธิภาพ ปกป้องเซลล์ตับจากอนุมูลอิสระ และลดการเกิดมะเร็งตับในคนไข้ไวรัสตับอักเสบ ได้ถึง 50%
เพราะเลซิตินเพียงอย่างเดียว ลดปัญหาสุขภาพ สมอง หัวใจ มะเร็งและผิวพรรณได้เพียง 30% แต่หากเป็น เลซิตินชนิด ฟอสฟาทิดิลโคลีนสูง + วิตามินอี และ แคโรทีนอยด์ 4 ชนิด อาทิ: อัลฟาแคโรทีน, เบต้าแคโรทีน, แกรม่าแคโรทีน และไลโคปีน จะลดปัญหาดังกล่าวได้ถึง 100%
จากงานวิจัย การใช้แคโรทีนอย์ ร่วมกับ วิตามินอี จะส่งเสริมประสิทธิภาพ ปกป้องเซลล์ตับจากอนุมูลอิสระ และลดการเกิดมะเร็งตับในคนไข้ไวรัสตับอักเสบ ได้ถึง 50%

เลซิติน กับการบำรุงสมอง
ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ เสริมสร้างความจำ และลดอาการอัลไซเมอร์ในระยะเริ่มต้น ปัจจุบัน เลซิตินถูกนำมาใช้รักษาทางการแพทย์ ในการบำบัดโรคทางสมอง เช่น โรคพาร์คินสัน (Parkinson) , โรคอัลไซเมอร์(Alzheimer's Disease)ซึ่งเป็นโรคทางสมองที่เกิดจกเซลล์ประสาทขาดสาร "อะซิทิลโคลีน" หรือ คนชราที่ป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม โดยพบว่า ผู้สูงอายุมีภาวะความจำเสื่อม จะมีอาการดีขึ้น เมื่อทานเลซิตินวันละ 25 มก. ติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน และในผู้ป่วย อัลไซเมอร์ ที่ได้รับโคลีน เป็นระยะเวลา 6 เดือน จะช่วยให้ความจำดีขึ้น ได้ หรือ ใช้โคลีน ร่วมกับยาที่ใช้รักษา (Cholinesterase Inhibitors) จะทำให้มีการพัฒนาความสามารถที่ต้องใช้ความจำเพิ่มขึ้นได้

ลดการดูดซึมโคเลสเตอรอล และ หลอดเลือดหัวใจ

เลซิติน ช่วยละลายไขมัน ป้องกันการตกตะกอนของไขมันในผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดแข็งและตีบตัน ซึ่งเป็นการป้องกัน อัมพฤกษ์ อัมพาต

จากการวิจัย ทดลอง และผู้มีภาวะระดับโคเลสเตอรอลสูง พบว่า เลซิตินจะลดการดูดซึมโคเลสเตอรอล และลดระดับไขมันชนิดไม่ดี(ไขมันเลว) LDL และ ลดไตรกลีเซอไรด์ และยังช่วยเพิ่มระดับ (HDL) ไขมันชนิดดีได้อีกด้วย จากคุณสมบัตินี้ ทำให้ เลซิติน ช่วยลดภาวะเสี่ยง ต่อการเกิดหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ป้องกันภาวะหัวใจขาดเลือด หรือหัวใจวายเฉียบพลัน

ลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี

เลซิติน จะเพิ่มความสามารถ ในการทำละลายของน้ำดี ทำให้สารแขวนลอยนน้ำดีไม่จับตัว เป็นก้อนจนกลายเป็นนิ่ว เพิ่มการหลั่งและการไหลเวียนของน้ำดี และลดค่าดัชนีไขมันอิ่มตัว

ช่วยลดไขมันสะสม เช่น ไขมันหน้าท้อง, ท่อน้ำนมอุดตัน

โดยเลซิติน จะช่วยละลายไขมัน และเผาผลาญได้ดี จึงลดการสะสมของไขมัน เช่นไขมันหน้าท้อง,ไขมันที่ท่อน้ำนม

ท่อน้ำนมอุดตัน, สาเหตุจากน้ำนมแม่มีความเข้มข้นมากเกินไป เกิดไขมันบางส่วนจับยึดพื้นผิวในกระเปาะน้ำนม สะสมในท่อน้ำนมได้ โดยจะพอกพูนขึ้นจนเป็นก้อนแข็งบริเวณเต้านม โดยเลซิตินจะทำหน้าที่ ละลายไขมัน ที่จับตัวอุดตันอยู่นั้น ละลายหมดไปในที่สุด
เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน , ป้องกัน หลอดเลือดหัวใจอุดตัน

เลซิติน + มีเดียมเชนไตรกลีเซอร์ไรด์ (Meduim chain triglyceride, MCTs)

เป็นกรดไขมัน กรดลอริก (Lauric acid) มักพบในน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ เป็นกรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลปานกลาง สามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและถูกเผาผลาญได้ดี เมื่อถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย กรดลอริกจะถูกเปลี่ยนเป็นโมโนลอริน (Monolaurin) ซึ่งเป็นโมโนกลีเซอไรค์ ชนิดเดียวกันกับที่พบในน้ำนมแม่แรกคลอด หรือที่เรียกกันว่า "นมน้ำเหลือง" ซึ่งเป็นสารสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ให้กับทารกแรกคลอดในระยะ 6 เดือนแรกของชีวิต

โมโนลอริน จะมีคุณสมบัติเป็นสารปฏิชีวนะ ที่สามารถต้านเชื้อโรค เชื่้อไวรัส เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย โปรโตชัว และพยาธิ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลิน จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ในผู้ป่วยที่เป็น โรคเบาหวาน 
เลซิติน
จำนวน 60 แคปซูง
ราคา 680 บาท 


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเลซิติน ?

1.
คำถาม : เลซิตินของกิฟฟารีนสกัดและนำเข้าจากประเทศอะไร?
คำคอบ : เลซิตินที่กิฟฟารีนเลือกใช้นั้นนำเข้ามาจาก อเมริกา และ สกัดจากถั่วเหลือง ซึ่งจะให้ประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพได้ดีกว่าแหล่งอื่น ๆ เนื่องจากมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด
2.
คำถาม : ผู้ที่แพ้ถั่วเหลือง สามารถรับประทานได้หรือเปล่า ?
คำตอบ : เนื่องจากเลซิตินของกิฟฟารีน จะสกัดเฉพาะเลซินออกมาจากถั่วเหลืองจึงมีโปรตีนอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดการแพ้น้อยมาก  เช่นเดียวกับสารกลุ่มไอโซฟลาโวน หรือสารสกัดคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนจากถั่วเหลือง ทั้งนี้ในผู้ที่มีความกังวลใจ หากลองทานแล้วมีอาการแพ้ เช่นมีอาการบวม ผื่น หายใจไม่ออก ให้หยุดทาน หรือในผู้ที่ไวต่อสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้มาก ๆ  หรือแพ้รุนแรง แนะนำให้หลีกเลี่ยง
3.
คำถาม : เปลือกแคปซูลของเลซิตินทำมาจากอะไร?
คำตอบ : แคปซูลแบบนิ่ม ทำมาจากเจลาตินซึ่งสกัดจากกระดูกและชั้นไขมันใต้ผิวหนังของวัว ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายและผ่านการรับรองจาก อย. ว่ามีมาตรฐาน ปลอดภัย สามารถรับประทานได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ 
4.
คำถาม : เลซิตินเหมาะสำหรับคนกลุ่มไหนบ้าง?
คำตอบ : 
☻ ผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับการทำงานของตับไม่ปกติ เช่น การย่อยอาหารไม่ดี แน่นท้อง จุกเสียด เป็นปนะจำ อ่อนเพลียง่าย
☻ ผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี 
☻ ผู้ที่ดื่มเหล้าเป็นประจำ
☻ ผู้ที่ต้องการ การบำรุงตับ
☻ ผู้สูงอายุ (50 ปี ขึ้นไป)
☻ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติคนในครอบครัวที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกี่ยวกับตับ ไขมันพอกตับ เบาหวาน อ้วน โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต มะเร็ง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โคเลสเตอรอลสูง ไตรกลีเซอไรด์สูง
5.
คำถาม : ในการรับประทานเลซิติน มีข้อห้ามข้อควรระวังหรือไม่? 
คำตอบ : เนื่องจากเลซิตินที่สกัดจากถั่วเหลือง มีความเป็นสมุนไพรน้อยมาก  "จึงสามารถทานได้ต่อเนื่องเป็นเวลานานโดยไม่ก่อให้เกิดอัตราย" และไม่มีผลกระทบต่อยาหรือโรคใด ๆ ทั้งนี้ไม่แนะนำในสตรีมีครรภ์ และ ให้นมบุตร เนื่องจากเป็นข้อห้ามตามหลักการทั่วไปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่สามารถแนะนำในเด็กอายุ 15 ปีขึ้นไปได้ 
6.
คำถาม :  แนะนำให้ทานเลซิตินวันละกี่แคปซูล?
คำตอบ : ตามปกติแนะนำให้ "ทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหารเวลาใดก็ได้" แต่ในบางรายสมารถเพิ่มปริมาณการทานเป็นวันละ 2 เม็ดได้  ได้เพิ่มประโยชน์เพิ่มขึ้นและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
7.
คำถาม : ตะกอนเลซินิต เกิดจากอะไร และเป็นอันตรายหรือไม่?
คำตอบ : ตะกอนที่พบในเลซิติน คือส่วนผสมของแคโรทีนอยด์ซึ่งไม่ละลายในเลซิติน และแขวนลอยอยู่ในแคปซูล เมื่อตั้งทิ้งไว้จึงเกิดการรวมตัวกันและตกตะกอน ซึ่งเป็นสภาพปกติของส่วนผสมที่ไม่ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน "การตกตะกอนของแคโรทีนอยด์ ไม่ส่งผลต่อคุณภาพของเลซิติน ต่อคุณภาพของเลซิติน และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ"
8.
คำถาม : เลซิตินมีวิธีการเก็บรักษาอย่างไรบ้าง?
คำตอบ : แนะนำให้จัดเก็บ "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ชนิดแคปซูลนิ่ม (โดยเฉพาะเลซิติน) ไว้ในตู้เย็น (ช่องธรรมดา)" เพื่อรักษาสภาพผลิตภัณฑ์ให้ดีที่สุด 
▃▃▃▃▃▃▃

👉 เป็นสมาชิกอยู่แล้วรับราคาสมาชิก 
หรือ สมัครสมาชิกเพื่อรับส่วนลด 25%
 

เป็นสมาชิกทักแชทรับส่วนลด


สั่งซื้อเลซิติน ใน Line Shopping


0 Post a Comment